เมนู

การเกิดขึ้นแห่งพยาบาท มีโดยอโยนิโสมนสิการ ในปฏิฆนิมิต.
ปฏิฆะ ชื่อว่า ปฏิฆนิมิต ในคำว่า ปฏิฆนิมิตฺเต อโยนิโสมนสิกาเรน
นั้น แม้ปฏิฆารมณ์ก็คือปฏิฆนิมิต. อโยนิโสมนสิการ (การทำไว้ในใจโดยไม่-
แยบคาย) ในปฏิฆนิมิตนั้น มีลักษณะเดียวกันในที่ทุกแห่งทีเดียว พยาบาท
ย่อมเกิดขึ้น แก่ผู้ให้อโยนิโสมนสิการเป็นไปมากครั้งในนิมิตนั้น . ด้วยเหตุนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้ตรัสไว้ว่า มีอยู่ภิกษุทั้งหลาย ปฏิฆนิมิต
การทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการ ในปฏิฆนิมิตนั้น เป็นอาหารปัจจัย (เหตุ-
นำมา) เพื่อการเกิดขึ้นแห่งพยาบาทที่ยังไม่เกิดขึ้นบ้าง เพื่อความเจริญยิ่งขึ้น
เพื่อความไพบูลย์แห่งพยาบาท ที่เกิดขึ้นแล้วบ้าง.
ส่วนผู้ทำไว้ในใจโดยแยบคาย ซึ่งเมตตาเจโตวิมุตติ จะมีการละ
(พยาบาท) ได้. บรรดาคำว่า เมตตา และเจโตวิมุตตินั้น เมื่อกล่าวคำว่า
เมตตาก็ใช้ได้ (หมายถึง) ทั้งอัปปนาทั้งอุปจาร แต่เมื่อกล่าวว่า เจโตวิมุตติ
ก็ใช้ได้ (หมายถึง) เฉพาะอัปปนาเท่านั้น. โยนิโสมนสิการ มีลักษณะดังที่
กล่าวมาแล้วนั่นเอง. เมื่อให้โยนิโสมนสิการนั้นเป็นไปมากครั้งในเมตตานั้น
ก็ละพยาบาทได้. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสไว้ว่า มีอยู่ภิกษุ-
ทั้งหลาย เมตตาเจโตวิมุตติ การทำไว้ในใจให้มาก โดยอุบายอันแยบคายใน
เมตตาเจโตวิมุตตินั้น นี้เป็นอาหารปัจจัย (เหตุนำมา) เพื่อการไม่เกิดขึ้นแห่ง
พยาบาท ที่ยังไม่เกิดขึ้นบ้าง เพื่อการละพยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วบ้าง.

ธรรมสำหรับละพยาบาท 6 ข้อ


อีกอย่างหนึ่ง ธรรม 6 ประการ เป็นไปเพื่อละพยาบาท คือ
1. การเรียนเมตตานิมิต
2. การเจริญเมตตา

3. การพิจารณาความที่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน
4. ความเป็นผู้มากไปด้วยการพิจารณา
5. ความมีกัลยาณมิตร
6. การกล่าวคำที่เป็นสัปปายะ.
อธิบายว่า ผู้กำลังเรียนเมตตาด้วยสามารถแห่งการแผ่ไปทั่วทิศทั้งโดย
เจาะจง ทั้งโดยไม่เจาะจง อย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมละพยาบาทได้. แม้ผู้กำลังเจริญ
เมตตาด้วยสามารถแห่งการแผ่ไปทั่วทิศโดยเจาะจง โดยไม่เจาะจง ก็ละพยาบาท
ได้. ผู้กำลังพิจารณาถึงความมีกรรมเป็นของตน ของคนทั้ง 2 คือของตนเอง
และของผู้อื่นอย่างนี้ว่า ตัวเจ้าโกรธคน ๆ นั้นแล้ว จักทำอะไร (เขา) ได้
จักสามารถให้คุณธรรมทั้งหลายมีศีลเป็นต้น ของเขาพินาศไปได้หรือ ? ตัวเจ้า
มาแล้วตามกรรมของตน ก็จักไปตามกรรมของตนมิใช่หรือ ? ธรรมดาความ-
โกรธผู้อื่น ก็เหมือนกับความประสงค์ จะหยิบถ่านไฟที่ปราศจากเปลว ท่อน
เหล็กแดงและอุจจาระแล้ว ขว้างคนอื่น ถึงคนนั่นโกรธเจ้าก็จักทำอะไร (เจ้า)
ได้ เขาจักสามารถให้ธรรมทั้งหลายมีศีลเป็นต้น ของเจ้าพินาศไปได้หรือ ?
คนนั่นเขามาตามกรรมของคน ก็จักไปตามกรรมของตนนั่นแหละดังนี้ ย่อมละ
พยาบาทได้ พิจารณาแล้ว ยืนอยู่ที่ ๆ พิจารณาย่อมละพยาบาทได้ คบหากัลยาณ-
มิตรผู้ยินดีในเมตตาภาวนา ย่อมละพยาบาทได้. ย่อมละพยาบาทได้แม้ด้วย
กถาที่เป็นสัปปายะอาศัยเมตตาในที่ ๆ ยืน และที่ ๆ นั่งเป็นต้น. ด้วยเหตุนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสไว้ว่า ธรรม 6 ประการเป็นไปเพื่อละพยาบาท.
การเกิดขึ้นแห่งถีนมิทธะ โดยอโยนิโสมนสิการในอกุศลธรรมมีอรติ
เป็นต้น. ความเอือมระอา ชื่อว่า อรติ. ความเกียจคร้านทางกาย ชื่อว่า
ตันทิ. การบิดคร้านกาย ชื่อว่า วิชัมภิกา. ความมึนงงเพราะภัต คือ ความอึดอัด
เพราะภัต ชื่อว่า ภัตตสัมมทะ (ความเมาอาหาร). อาการที่จิตห่อเหี่ยว ชื่อว่า

ความหดหู่จิต. เมื่อยังอโยนิโสมนสิการให้เป็นไปมากครั้งในอกุศลธรรมเหล่านี้
ถีนมิทธะ ย่อมเกิดขึ้น. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงไค้ตรัสไว้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มีอยู่ อรติ (ความเอือมระอา) ตันทิ (ความคร้านกาย)
วิชัมภิกา (ความบิดคร้านกาย) ความหดหู่ใจ การทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการ
ในอรติเป็นต้นเหล่านั้น นี้ เป็นเหตุนำผลมาให้ (อาหารปัจจัย) เพื่อการ
เกิดขึ้นแห่งถีนมิทธะที่ยังไม่เกิดขึ้นบ้าง เพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์
แห่งถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้วบ้าง. ส่วนการละถีนมิทธะ มีโดยโยนิโสมนสิการ
ในอารัมภธาตุเป็นต้น. ความเพียรที่เริ่มต้น ชื่อว่า อารัมภธาตุ. ความเพียร
ที่มีกำลังมากกว่านั้น เพราะออกไปแล้วจากความเกียจคร้าน ชื่อว่า นิกขมธาตุ.
ความเพียรที่มีกำลังมากกว่านั้นในรูป เพราะก้าวไปสู่สถานที่ข้างหน้า ชื่อว่า
ปรักกมธาตุ.
ผู้ยังโยนิโสมนสิการให้เป็นไปมากครั้ง ในวิริยะ 3 ประเภท นี้จะละ
ถีนมิทธะได้ ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้ตรัสไว้ว่า มีอยู่ ภิกษุ-
ทั้งหลาย อารัมภธาตุ 1 นิกกมธาตุ 1 ปรักกมธาตุ 1 การทำให้มากซึ่ง
โยนิโสมนสิการ ในธาตุเหล่านั้น นี้เป็นเหตุนำผลมา (อาหารปัจจัย) เพื่อ
ความไม่เกิดขึ้นแห่งถีนมิทธะที่ยังไม่เกิดบ้าง เพื่อละถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้วบ้าง.

ธรรมสำหรับละถีนมิทธะ 6 ข้อ


อีกอย่างหนึ่ง ธรรม 6 ประการเหล่านั้น เป็นไปเพื่อละถีนมิทธะ คือ
1. การบริโภคโภชนะที่เหลือเพื่อแต่พอประมาณ
2. การผลัดเปลี่ยนอิริยาบถ
3. การมนสิการอาโลกสัญญา
4. การอยู่แต่ในที่แจ้ง